เลิกบุหรี่แบบหักดิบ ส่งผลอะไรกับร่างกายบ้าง เพื่อนๆน่าจะรู้ว่าบุหรี่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมามากมาย ยิ่งสูบนาน ยิ่งเพิ่มโรค โดยเฉพาะหัวใจและปอดเป็นอวัยวะที่ถูกบุหรี่ทำร้ายทำลายอย่างมาก ดังนั้นการตระหนักถึงพิษภัยของบุหรี่ ไม่เริ่มสูบ หรือหากสูบไปแล้วรีบเลิกทันที อีกทั้งตรวจเช็กสุขภาพหัวใจและปอดเป็นประจำทุกปีคือเรื่องสำคัญที่ต้องใส่ใจ
บุหรี่ตัวการปอดพัง
การสูบบุหรี่มีความสัมพันธ์โดยตรงกับโรคมะเร็ง นอกจากมะเร็งปอด ยังรวมถึงมะเร็งส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เพราะสารพิษในบุหรี่ส่งผลกับร่างกายทั้งระบบ ความรุนแรงขึ้นอยู่กับปริมาณบุหรี่ที่สูบ ระยะเวลาในการสูบบุหรี่ ยิ่งสูบนานหรือสูบปริมาณมากในระยะเวลาสั้น ๆ ล้วนแล้วแต่มีผลเช่นเดียวกัน
สำหรับผู้ที่กำลังสูบบุหรี่หรือเคยสูบบุหรี่ระยะเวลาเฉลี่ยมากกว่า 30 ปีและมากกว่า 1 ซองต่อวัน (หรือเท่ากับ 30 ปีซอง หรือ pack-year) ในช่วงอายุ 55 – 75 ปี หรือสูบบุหรี่ระยะเวลาเฉลี่ยมากกว่า 20 ปีซอง ร่วมกับปัจจัยอื่น ๆ อย่างกรรมพันธุ์ มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นมะเร็งปอดได้ เพราะการสูบบุหรี่เทียบได้กับการสูดฝุ่น PM 2.5 เข้าไปในร่างกาย

อาการที่สามารถสังเกตได้เมื่อบุหรี่ที่สูบส่งผลต่อปอดได้แก่
– หอบหืด
– ถุงลมโป่งพองทั้งระยะเริ่มต้นและรุนแรง
– อาการหอบเหนื่อยเฉียบพลัน
– โรคถุงลมโป่งพองปอดแตกปอดรั่วได้
หากหยุดสูบบุหรี่หรือเลิกสูบบุหรี่ได้ย่อมทำให้การทำงานของปอดดีขึ้น และในผู้ป่วยมะเร็งปอดที่หยุดสูบบุหรี่ได้เกิน 2 สัปดาห์ ความเสี่ยงที่จะเกิดผลแทรกซ้อนหลังผ่าตัดมะเร็งปอดเกือบจะเทียบเท่ากับคนที่ไม่สูบบุหรี่.
บุหรี่ตัวการหัวใจวาย
อนุมูลอิสระ (Free Radical) จากควันบุหรี่เป็นตัวการสำคัญที่เข้าไปทำลายโครงสร้างป้องกันตัวเองของหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดเสื่อมสภาพ โดยเฉพาะหลอดเลื้องที่ไปเลี้ยงอวัยวะสำคัญต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น หลอดเลือดสมอง หลอดเลือดหัวใจ ฯลฯ รวมถึงทำให้ผนังหลอดเลือดแดงแข็ง นำไปสู่โรคหลอดเลือดหัวใจตีบชนิดเรื้อรัง กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน โรคหลอดเลือดสมอง ปวดขาจากหลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบ การโป่งพองของหลอดเลือดแดงใหญ่ในช่องท้อง เป็นต้น. ยิ่งเวลาที่พ่นควันบุหรี่ออกมา ผู้ที่สูดควันบุหรี่จะได้รับสารเหล่านี้เทียบเท่ากับคนที่สูบบุหรี่
อาการที่สามารถสังเกตได้เมื่อการสูบบุหรี่ส่งผลต่อหัวใจมี 2 แบบ
1. อาการแบบเฉียบพลัน จากการที่เส้นเลือดตีบหรือตัน อาทิ เจ็บหน้าอกทันที ใจสั่น ฯลฯ
2. อาการแบบค่อยเป็นค่อยไป จากการเกิดหินปูนในหลอดเลือด อาทิ เหนื่อยง่าย เจ็บหน้าอก แน่นหน้าอก ไม่มีแรง ฯลฯ มาจากการทำกิจกรรมต่าง ๆ อย่างออกกำลังกาย เดินขึ้นบันได เดิน เป็นต้น.
นอกจากนี้สารพิษในบุหรี่ยังกระตุ้นให้มีภาวะความดันโลหิตสูง โดยผู้ที่สูบบุหรี่จะมีความดันโลหิตสูงมากกว่าคนที่ไม่ได้สูบบุหรี่หลายเท่าโดยเฉพาะความดันโลหิตสูงในคนอายุน้อยที่ไม่มีกรรมพันธุ์ ปัจจุบันพบได้มากขึ้นเมื่อความดันโลหิตสูงก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงหลอดเลือดตีบตามอวัยวะต่าง ๆ ได้. นอกจากนี้ในผู้ที่สูบบุหรี่ปริมาณมากและสูบตั้งแต่อายุยังน้อยพบว่ามีอุบัติการณ์ปัญหาหลอดเลือดตีบตันเร็วกว่าคนทั่วไป.
ตรวจเช็กปอดและหัวใจ
ในผู้ที่สูบบุหรี่หรือเคยสูบบุหรี่ควรตรวจคัดกรองมะเร็งปอดและหลอดเลือดหัวใจร่วมกันด้วยการทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ปอดโดยใช้รังสีต่ำ (Low Dose CT Chest) ร่วมกับการตรวจหาคราบหินปูนที่หลอดเลือดหัวใจ (CT Coronary Calcium Score) อย่างน้อยทุก ๆ 5 ปี แต่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงต้องตรวจคัดกรองมะเร็งปอดทุก ๆ ปีเพราะหากพบความผิดปกติ จะช่วยให้สามารถวางแผนการรักษาได้ทันท่วงที.
ข้อดีของการตรวจ
– เข้าเครื่อง CT ครั้งเดียว ตรวจหาความผิดปกติได้ทั้งปอดและหลอดเลือดหัวใจ.
– ไม่ต้องงดน้ำ งดอาหาร.
– ใช้เวลาในการตรวจเพียง 10 – 15 นาที.
– ผลการตรวจสามารถประเมินความเสี่ยงได้ในระยะ 5 ปี

บทสรุป
วิธีการเลิกบุหรี่ที่ได้ผลดีที่สุดในระยะยาวคือ การตระหนกถึงพิษภัยของบุหรี่และผลเสียต่อร่างกาย นำไปสู่การปรับพฤติกรรมเพื่อเลิกบุหรี่ด้วยตัวเอง สารพิษในบุหรี่มีผลทันทีเมื่อเริ่มสูบและเกิดการอักเสบในร่างกายอย่างต่อเนื่อง แม้จะเลิกบุหรี่ได้แล้วความเสี่ยงทางสุขภาพก็ยังคงอยู่ ความรุนแรงจะขึ้นอยู่กับจำนวนและระยะเวลาในการสูบ ดังนั้นถ้าจะให้ดีที่สุดคือไม่เริ่มสูบ แต่ถ้าเริ่มไปแล้วก็ควรตระหนักและหยุดสูบทันที
เลือกสูบบุหรี่ไฟฟ้าพร้อมสอบถามรายละเอียดหรือสั่งซื้อเครื่องบุหรี่ไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ บน อาทิ VMC / Relx x Bubblemon / Infy / Relx/ JUES / Seven Pod / Seoul Pod / Marbo Zero Pod / Relx ZERO / KS Lite / KS Kardinal Stick / KS Kardinal KURVE / KS XENSE / KS QUIK กับ KS PODS เพื่อช่วยคุณเลิกบุหรี่ พร้อมสอบถามโปรโมชั่นส่งฟรี ส่งด่วนได้แล้ววันนี้ เพียงคลิกแอดไลน์ @620vjosw